บันทึกอนุทิน
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2558
ครั้งที่ 4 เวลาเรียน 11.30 - 14.00.
กิจกรรมวันนี้
เริ่มก่อนเข้าบทเรียนอาจารย์ให้วาดรูปดอกลิลลี่ให้เหมือนที่สุดและบอกสิ่งที่เห็นในภาพ?
สิ่งที่เห็นในภาพ ?
- ตามหลักวิทยาศาสตร์ คือ มีกลีบ6กลีบ จะมีลักษณะเรียว มีสีม่วงชมพูอยู่ตรงกลางและมีลายจุดขอบกลีบจะมีสีขาว มีเกษรสีเหลืองปลายเกษรจะมีสีแดง
- ตามความรู้สึก คือ ดอกลิลลี่เป็นดอกไม้ที่มองแล้วสวยงามก็เปรียบเหมือนความรักที่สดใส คู่รักมักให้กันในโอกาสต่าง ในดอกนั้นจะมีทั้งความสดใสแฝงไปด้วยความเข็มแข็งของเกษรที่เป็นสีแดง
เนื้อหาที่เรียน
บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม
สิ่งที่ครูไม่ควรทำ
- ครูไม่ควรวินิจฉัย หมายถึงการตัดสินใจโดยไม่ทราบข้อเท็จจริง ว่าเด็กเป้นอะไร เราไม่สามารถนำสิ่งเห็นในสิ่งที่เด็กแสดงออกมาคิดเองได้ อาจจะนำไปสู้ความเข้าใจผิด
- ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก หมายถึง การนำปมด้อยเด็กมาเรียกบางครั้งอาจฟังดูน่ารักแต่แม้ จริงแล้วเกิดผลเสียมากว่าผลดี ชื่อจะเปรียบเสมือนตราประทับตัวเด็กตลอดไป เด็กจะกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ
- ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ หมายถึง ครูไม่ควรพูดเรื่องไม่ดีของน้องให้ผู้ปกครองฟังเพราะพ่อแม่ของเด็กพิเศษทราบดีว่าลูกของเขามีปัญหาเขาไม่ต้องการให้ครูมาย้ำในสิ่งที่เขารู้ สิ่งที่ครูควรทำควรพูดในทางบวกของเด็ก ควรรายงานผู้ปกครองว่าเด็กทำอะไรได้บ้าง เขาจะได้ทราบว่าเด็กทำอะไรไม่ได้
สิ่งที่ครูต้องทำ
ครูสามารถชี้ให้เก็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ ให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัย สังเกตอย่างเป็นระบบ จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ
- สังเกตอย่างมีระบบ ไม่มีใครสามารถสังเกตอย่างมีระบบได้ดีกว่าครู ครูเห็นเด็กในสถารการณ์ต่างๆ ช่วงเวลายาวนานกว่าผู้อื่น ต่างจากแพทยื นักจิตวิทยา มักมุ่งความสนใจอยู่ที่ปัญหา
- การตรวจสอบ จะทำให้ทราบว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไร เป้นแนวทางสำคัญที่ทำให้ครูและพ่อแม่เข้าใจเด็กดีขึ้น บอกได้ว่าเรื่องใดบ้างเป็นที่เด็กต้องการความช่วยเหลือ
- ข้อควรระวังในการปฏิบัติ ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้ ประเมินให้น้ำหนักความสำคัญของเรื่องต่างๆได้เพราะพฤติกรรมบางอย่างของเด็กไม่ได้ปราฎให้เห็นเสมอไป
- การบันทึกการสังเกต
- การนับอย่างง่ายๆ การนับจำนวนของการเกิดพฤติกรรมกี่ครั้งในแต่ละวัน กี่ครั้งในแต่
ละชั่วโมงของระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม
- การบันทึกต่อเนื่อง จะให้รายละเอียดได้มากเขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่ง
หรือช่วงกิจกรรมหนึ่งโดยไม่ต้องเข้าไปแนะนำหรือช่วยเหลือ
- การบันทึกไม่ต่อเนื่อง บันทึกลงบัตรเล็กๆ เป็นการบันทึกสั้นๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็ก
แต่ละคนในช่วงเวลาหนึ่ง
- การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป ควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่องมากกว่าชนิดของความบกพร่อง พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบได้ในเด็กทุกคนไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ
- การตัดสินใจ ครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง คิดให้ดีก่อนพูดออกมา พฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้นไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่
การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
ข้อควรระวังของครูคือการพูดต้องถนอมความรู้สึกของผู้ปกครอง เราต้องพูดชื่นชมมากว่าการพูดตรงๆ ต้องรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้ปกครอง ไม่มีใครต้องการการตอกย้ำสิ่งที่เป็น ทุกคนย่อมต้องการกำลังใจเมื่อเราเป็นครูเราก็ควรนำไปใช้ ในสิ่งที่ต้องทำ
บรรยากาศในห้องเรียน
เพลงวันนี้
เพลง ฝึกกายบริหาร
สิ่งที่ครูไม่ควรทำ
- ครูไม่ควรวินิจฉัย หมายถึงการตัดสินใจโดยไม่ทราบข้อเท็จจริง ว่าเด็กเป้นอะไร เราไม่สามารถนำสิ่งเห็นในสิ่งที่เด็กแสดงออกมาคิดเองได้ อาจจะนำไปสู้ความเข้าใจผิด
- ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก หมายถึง การนำปมด้อยเด็กมาเรียกบางครั้งอาจฟังดูน่ารักแต่แม้ จริงแล้วเกิดผลเสียมากว่าผลดี ชื่อจะเปรียบเสมือนตราประทับตัวเด็กตลอดไป เด็กจะกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ
- ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ หมายถึง ครูไม่ควรพูดเรื่องไม่ดีของน้องให้ผู้ปกครองฟังเพราะพ่อแม่ของเด็กพิเศษทราบดีว่าลูกของเขามีปัญหาเขาไม่ต้องการให้ครูมาย้ำในสิ่งที่เขารู้ สิ่งที่ครูควรทำควรพูดในทางบวกของเด็ก ควรรายงานผู้ปกครองว่าเด็กทำอะไรได้บ้าง เขาจะได้ทราบว่าเด็กทำอะไรไม่ได้
สิ่งที่ครูต้องทำ
ครูสามารถชี้ให้เก็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ ให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัย สังเกตอย่างเป็นระบบ จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ
- สังเกตอย่างมีระบบ ไม่มีใครสามารถสังเกตอย่างมีระบบได้ดีกว่าครู ครูเห็นเด็กในสถารการณ์ต่างๆ ช่วงเวลายาวนานกว่าผู้อื่น ต่างจากแพทยื นักจิตวิทยา มักมุ่งความสนใจอยู่ที่ปัญหา
- การตรวจสอบ จะทำให้ทราบว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไร เป้นแนวทางสำคัญที่ทำให้ครูและพ่อแม่เข้าใจเด็กดีขึ้น บอกได้ว่าเรื่องใดบ้างเป็นที่เด็กต้องการความช่วยเหลือ
- ข้อควรระวังในการปฏิบัติ ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้ ประเมินให้น้ำหนักความสำคัญของเรื่องต่างๆได้เพราะพฤติกรรมบางอย่างของเด็กไม่ได้ปราฎให้เห็นเสมอไป
- การบันทึกการสังเกต
- การนับอย่างง่ายๆ การนับจำนวนของการเกิดพฤติกรรมกี่ครั้งในแต่ละวัน กี่ครั้งในแต่
ละชั่วโมงของระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม
- การบันทึกต่อเนื่อง จะให้รายละเอียดได้มากเขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่ง
หรือช่วงกิจกรรมหนึ่งโดยไม่ต้องเข้าไปแนะนำหรือช่วยเหลือ
- การบันทึกไม่ต่อเนื่อง บันทึกลงบัตรเล็กๆ เป็นการบันทึกสั้นๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็ก
แต่ละคนในช่วงเวลาหนึ่ง
- การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป ควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่องมากกว่าชนิดของความบกพร่อง พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบได้ในเด็กทุกคนไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ
- การตัดสินใจ ครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง คิดให้ดีก่อนพูดออกมา พฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้นไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่
การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
ข้อควรระวังของครูคือการพูดต้องถนอมความรู้สึกของผู้ปกครอง เราต้องพูดชื่นชมมากว่าการพูดตรงๆ ต้องรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้ปกครอง ไม่มีใครต้องการการตอกย้ำสิ่งที่เป็น ทุกคนย่อมต้องการกำลังใจเมื่อเราเป็นครูเราก็ควรนำไปใช้ ในสิ่งที่ต้องทำ
บรรยากาศในห้องเรียน
เพลงวันนี้
เพลง ฝึกกายบริหาร
ผู้แต่ง อ.ศรีนวล รัตนสุวรรณ
ฝึกกายบริหารทุกวันร่างกายแข็งแรง
ฝึกกายบริหารทุกวันร่างกายแข็งแรง
รูปทรงสมส่วนแคล่วคล่องว่องไว
รูปทรงสมส่วนแคล่วคล่องว่องไว
รูปทรงสมส่วนแคล่วคล่องว่องไว
...........................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น