วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทิน
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2558
ครั้งที่ 11  เวลาเรียน 13.10 - 16.40.

เนื้อหาที่เรียน
     วันนี้ทำแบบทดสอบทบทวนความรู้ที่เรียนมา ที่อาจารย์สอนก่อนที่อาทิตย์ถัดไปจะได้เขียนแผน ในแบบทดสอบนั้นเป็นการวัดความรู้ที่เราเรียนมาไม่ได้มีในเนื้อหาแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่เรียนเพราะเป็นสิ่งที่อาจารย์จะยกตัวอย่างมาตลอดถ้าเราตั้งใจเรียนเราก็จะรู้แต่ถ้าเราไม่ได้ฟังในขณะที่เรียนก็จะงง เพราะส่วนใหญ่จะคล้ายๆกันอาจจะทำให้สับสนบ้างแต่เราก็ตั้งใจทำดีที่สุดแล้ว

ความรู้ที่ได้รับสามารถนำไปประยุกต์ใช้
      ในเวลาเรียนเราก็ควรตั้งใจเรียนตั้งใจฟังเพราะจะได้สามารถทำข้อสอบได้อย่างมั่นใจ ในทุกรายวิชา ในการเรียนการสอนทุกอย่างล้วนสำคัญหมด ผู้สอนทุกคนหวังว่าให้เด็กรู้และเข้าใจทั้งนั้น อีกอย่างก็อยู่ที่ตัวเราเองว่าจะรับมันหรือเปล่า การทบทวนความรู้ที่เรียนมาเป็นสิ่งที่ดีเราอาจจะไม่สามารถจำได้หมดทุกอย่างแต่เราก็สามารถจำได้เป็นบางส่วนอาจจำเนื้อหาที่เรียนไม่ได้แต่จำตัวอย่างที่อาจารย์ยกมาให้ฟังได้ ยากที่จะเข้าใจเนื้อหาที่เรียนที่ไม่มีตัวอย่างเพราะเราไม่สามารถมองเห็นภาพหรือคิดตามได้เลย ทุกครั้งอาจารย์จึงยกตัวอย่างให้เราเข้าใจ จากตรงนี้เราก็สามารถนำไปใช้กับเด็กได้โดยการยกตัวอย่างเหตุการณ์จริงให้เขาคิดตามได้

บรรยากาศในห้องเรียน
อาจารย์อธิบายวิธีการทำข้อสอบ

 
ต่างคนต่างทำข้อสอบ 



วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทิน
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2558
ครั้งที่ 10  เวลาเรียน 13.10 - 16.40.
เนื้อหาที่เรียน
การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ : ทักษะการข่วยเหลือตนเอง
      หมายถึง เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด เด็กต้องคิดเองททำเอง การกินอยู่ การเข้าห้องน้ำ การแต่งตัว กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน

การสร้างความอิสระ
  - เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง
  - อยากทำงานตามความสามารภ
  - เด็กเลียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อนและเด็กที่โตกว่าหรือผู้ใหญ่

ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ
  -  การได้ทำด้วยตนเอง
  - เชื่อมั่นในตนเอง
  - เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี

หัดให้เด็กทำเอง
  - ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น(ใจแข็ง)
  - ผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆให้เด็กมากเกินไป
  - ทำให้แม้กระทั่งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เองหากให้เวลาเขาทำ
  - "หนูทำช้า" หนูยังทำไม่ได้"

จะช่วยเมื่อไหร่
 - เด็กก็มีบางวันที่ไม่อยากทำอะไร หงุดหงิด เบื่อ ไม่ค่อยสบาย
 - หลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
 - เด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พึ่งได้แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเฉพาะที่เด็กต้องการ
 - มักช่วยเด็กในช่วงกกิจกรรม

ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง
 - แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
 - เรียงลำดับตามขั้นตอน
 - แยกกิจกรรมเป็นขั้นย่อยให้มากที่สุด

 กิจกกรมในวันนี้
      เป็นกิจกรรมเดี่ยว อาจารย์ให้กระดาษคนล่ะแผ่นและให้ระบายสีเป็นวงกลม กี่ชั้นก็แล้วแต่เรา
จากนั้นก็ตัดออกให้เป็นวงกลมวงเดียว

ผลงานของฉัน
 
ผลงานของฉัน
      เสร็จเรียบร้อยแล้วทุกคน อาจารย์ก็ให้นำไปติดไว้ที่ต้น ที่อาจารย์เตรียมมาให้ เพื่อดูว่าพวกเราทุกคนสามัคคีกันมากน้อยแค่ไหน เป็นกิจกรรมที่บอกถึงตัวตนของพวกเรา สิ่งที่ออกมาคือพวกเราสามัคคีกันมีความเกรงใจซึ่งกันและกัน

ต้มไม้ห้องเรียนเรา

การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
    เราต้องหัดให้เด็กคิดเองทำเองในส่วนที่เด็กควรจะทำ ในชีวิตประจำวัน โดยการเปิดอิสระให้เด็กได้ช่วยเหลือตนเอง ทำในสิ่งที่เขาอยากทำ เด็กเขาจะเลียนแบบเพื่อ เลียนแบบผู้ใหญ่ เมื่อเด็กทำได้เขาจะรู้สึกภูมิใจในตนเองเมื่อเขาทำได้และจะทำให้เขามีความเชื่อมั่นในตนเองด้วย เราจะช่วยเด็กได้ก็ต่อเมื่อบางครั้งเด็กไม่สนุกด้วย หรือบางกิจกรรมที่เห้นสมควร โดยการย่อยงานแบ่งเป็นขั้นๆ อย่างไรก็ตามทักษะการช่วยเหลือตนเองสามารถใช้กับเด็กได้ทุกประเภทในการเรียนนั้นจะบอกถึงเด็กพิเศษแต่เด็กปกติก็เช่นเดียวกันถ้าเขาไม่ได้ทำเองเขาก็จะไม่ยอมทำอะไรเองเลยและส่งผลให้ช้ากว่าเพื่อในวัยเดียวกันจึงเป็นผลดีสำหรับห้องเรียนรวมที่จะหัดให้เด็กได้ช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด

บรรยากาศในห้องเรียน




วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทิน
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2558
ครั้งที่ 9  เวลาเรียน 13.10 - 16.40.

เนื้อหาที่เรียน
การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ : ทักษะภาษา
1.การวัดความสามารถทางภาษา
- เด็กเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
- สนทนามีการตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยหรือเปล่า
- ถามหาสิ่งต่างๆไหม
- เด็กสามารถบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้หรือไม
- ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม
2.การออกเสียงผิดหรือพูดไม่ชัด
- การพูดตกหล่นของประโยค
- การใช้เสียงหนึ่งแทนอีกเสียง
- ติดอ่าง พูดติดขัด
3.การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
       ไม่ควรสนใจการพูดของเด็กในการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด ห้ามบอกเด็กว่า "พูดช้าๆ"
"ตามสบาย" "คิดก่อนพูด" เพราะจะทำให้เด็กขาดความมั่นใจที่จะพูดอีก และไม่ควรไปขัดจังหวะขณะเด็กกำลังพูด สิ่งที่สำคัญคือไม่ควรเปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น และเด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยิน
4. ทักษะพื้นฐานทางภาษา
   - ทักษะการรับรู้ภาษา
   - การแสดงออกทางภาษา
   - การสื่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด
5.ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
     ครูควรเป็นผู้ฟังที่ดีและโต้ตอบอย่างฉับไวแต่ครูก็ไม่ควรพูดมากเกินไป  ให้เวลาเด็กได้พูดได้แสดงออก ส่วนครุก็คอยโต้ตอบชี้แนะหากจำเป็น เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว การแสดงออกของครูก็เป็นส่วนที่เด็กเลียนแบบและเรียนรู้ไปพร้อมกับภาษาการฟัง การพูด จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะให้เด็กพิเศษได้ทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อน ครูควรกระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเองครูไม่ควรคาดการณ์ล่วงหน้า เน้นการสื่อความหมายมากกว่าการพูดโดยตรง เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่เขาก้ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
6.การสอนตามเหตุการณ์(Incidental Teaching)


     ดังภาพเราจะเห็นได้ว่าเด็กกำลังติดกระดุมอยู่ เมื่อครูดูเหตุการณ์นี้มาสักพักก็จะเขาไปถาม"ทำอะไรอยู่ค่ะ"ถามจนกว่าจะตอบถ้าไม่ตอบครูก็ควรช่วย "ติดกระดุมอยู่หรอเดี๋ยวครูช่วยนะ" ตอนทำกระจับมือเด็กทำไปพร้อมกัน ส่วนใหญ่จะใช้ในห้องเรียนรวม การสอนตามเหตุการณ์ เป็นการสอนตามลำดับเหตุการณ์จากเริ่มจนจบ

 กิจกรรมวันนี้
     อาจารย์ให้จับคู่กันและหยิบสีคนล่ะสี มีกระดาษอยู่คู่ล่ะแผ่น อาจารย์ให้นักศึกษาฟังเสียงดนตรีและขีดเส้นตรงไปมาตามจังหวะของดนตรีที่บรรเลงตั้งแต่ต้นจนจบโดยห้ามยกสีขึ้น

            เส้นสามารถบอกความเป้นตัวตนของแต่ละคนได้ เส้นสื่อถึงความคิด
          เส้นเยอะก็คิดมาก เส้นปกติก็ไม่ค่อยคิดอะไรเลย

ผลงานของเพื่อนๆ



การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
        ภาษาของเด็กไม่ใช่แค่การฟัง การพูด แต่การแสดงออกท่าทางก็เป็นภาษาเช่นกันเด็กจะเรียนรู้จากการลอกเลียนแบบ เมื่อเขาเห็นครูทำอย่างไรก็จะทำตาม ครูควรเป็นผู้ฟังที่ดีสำหรับเด็กไม่ควรขัดจังหวะในขณะที่เขากำลังพูด หรือไม่ควรบอกตำหนิเขา จะทำให้เขาขาดความมั่นใจและไม่กล้าพูดในครั้งต่อไป ครูควรโต้ตอบกับเด็กเมื่อเขาสนทนาด้วย ควรเน้นการสื่อความหมายมากกว่าการบอกเด็กตรงๆเพื่อให้เขาได้เรียนรู้เพิ่มมากขึ้น กิจกรรมที่ทำก็สามารถนำมาใช้กับเด็กได้เช่นกันเด็กอาจทำำได้ดีกว่าเราเพราะเขาทำด้วยความจริงไม่หวงเล่นเหมือนพวกเรา ส่วนใหญ่พวกเราชอบคิดล่วงหน้า แต่เด็กเขาจะทำความจริง พูดออกมาแต่ความจริง

บรรยากาศในห้องเรียน

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

 
บันทึกอนุทิน
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2558
ครั้งที่ 8  เวลาเรียน 13.10 - 16.40.
กิจกรรมและเนื้อหาที่เรียนวันนี้
    - วาดรูปมือของเราข้างที่ไม่ถนัด โดยต้องใส่ถุงมือเพื่อปิดบังลอยของมือเรา อาจารย์ให้วาดให้เหมือนที่สุดทุกลายละเอียด

              "แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะวาดไม่เหมือนกันเลย มืออยู่กับเรามาตั้งแต่เกิด ก็จริง
              เรากับมองข้าม เราไม่เคยรู้เลยว่ามีลอยอะไรบ้างอยู่ที่มือเส้นเลือดมีกี่เส้น"

การสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ

ทัศนะของครูและทัศนคติ
- การเข้าใจภาวะปกติ ครูต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเด็กทุกคนต้องรู้ว่าเด็กแต่ละคน
- มีการฝึกอบรมสั้นๆ โดยใช่สื่อต่างๆในการฝึกเพิ่มเติม
- การเข้าใจพัฒนาการของเด็ก จะช่วยให้ครูสามารถมองเห็นความแตกต่างของแต่ละคนได้ง่าย

ทัศนคติของครู
- ความยืดหยุ่น ครูสามารถแก้แผนการสอนให้เหมาะกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และสามารถตอบสนองต่อเป้าหมายที่สำคัญสำหรับเด็กแต่คน
- การใช้สหวิทยาการ ให้คำแนะนำกับบุคคลในอาชึพอื่นๆได้ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกับกิจกรรมในห้องเรียน

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการเรียนรู้
 เทคนิคการให้แรงเสริม ตรูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กมีพฤตกรรมอันพึงประสงค์ ละเว้นความสนใจทันทีและทุกครั้งที่เด็กแสดงพฤติกรรมไม่พึ่งประสงค์ และควรให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์
    ขั้นตอนการให้แรงเสริม
       -  สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย.
       - วิเคราะห์ กำหนดจุดประสงค์ย่อยๆในงานแต่ละขั้น
       - สอนจากง่ายไปยาก
       - ให้แรงเสริมทันทีเมื่อเด็กทำได้ หรือเมื่อเด็กพยายามอย่างเหมาะสม
       - ลดการบอกบท เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะก้าวไปขั้นต่อไป
       - ให้แรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่สุด
       - ทีละขั้น ไม่เร่งรัด
       - ไม่ดุหรือตี
 การกำหนดเวลา จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องมีความเหมาะสมกับเวลาไม่ควรมากหรือน้อยเกินไป
 ความต่อเนื่อง พฤติกรรมทุกๆอย่างในชีวิตประจำวันต่อเนื่องกันระหว่างพฤตืกรรมย่อยๆหลายๆอย่างรวมกัน เช่น การเข้าห้องน้ำ การนอน การเก็บของ กลับบ้าน
การลดหรือหยุดแรงเสริม
- ครูจะงดแรงเสริมกับเด็กที่มีพฟติกรรมไม่เหมาะสม
- เอาเด้กออกจากการเล่นไปอยู่คนเดียว
- ทำเป็นไม่สนใจเด็ก
- เอาของเล่นออกไปจากเด็ก

ความรู้ที่ได้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไร
   สามารถนำไปใช่กับเด็กได้ถ้าเราเจอห้องเรียนรวม เด็กแต่ล่ะคนจะมีนิสัยแตกต่างกันครูต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กทุกคน ควรมองเด็กให้เป็นเด็ก การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเด็กโดยใช้แรงเสริมเพื่อเป็นการกระตุ้นการเรียนรู้ ของเด็กให้ใส่ใจในการเรียนมากขึ้นและให้เขารู้สึกว่าเขาก้ไม่ด้อยไปกว่าคน อื่น ควรให้แรงเสริมเมื่อเด้กมีพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์ แต่ที่เมื่อไรเด็กมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ครูควรงดแรงเสริมกับเด็ก

บรรยากาศในห้องเรียน


บันทึกอนุทิน
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2558
ครั้งที่ 7  เวลาเรียน 13.10 - 16.40




"ไม่มีการเรียนการสอน
อยู่ในช่วงสอบกลางภาค"